เริ่มต้นกันที่ยุคสมัยก่อน การตกแต่งเรือนร่างของคนเรา ส่วนมากจะใช้วิธีการสักสีลงบนผิวหนัง ต้นกำเนิดการสักอยู่ที่อียิปต์
การสักผิวหนังในยุคก่อน ส่วนมากจะสักเพื่อความเชื่อ ลัทธิศาสนา ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักรบ สักเผื่อความขลัง (ในปัจจุบันถึงไม่ใช่นักรบก็ยังสักเพื่อความขลังอยู่) ต่อมาเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป จากสักเพื่อความขลัง ความเชื่อ ก็มาเป็นสักเพื่อความงาม ประดับประดาบนร่างกาย
ต่อมาเริ่มมีการนำวัตถุ มาทำเป็นเครื่องประดับเพื่อตกแต่งร่างกาย วัสดุที่นิยมในสมัยก่อน คือ แร่ทองคำ โดยเฉพาะในอียิปต์ กรีก โรมัน เครื่องประดับถือว่าเป็นตัวบ่งบอก ฐานะ ยศถาบรรดาศักดิ์ นิสัยใจคอ ของผู้ใส่ได้ อีกทั้งเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชนชาตินั้นอีกด้วย เพราะเครื่องประดับแต่ละยุค แต่ละพื้นที่ มีเอกลักษณ์ การใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น เผ่าอินเดียน จะใช้สีหรือขนนก ทำเป็นเครื่องประดับบอกตำแหน่งของคนๆ นั้น
ในอดีตเครื่องประดับจะมีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่ใส่กัน เพราะวัสดุที่นำมาทำเครื่องประดับมีราคาแพงมาก เช่น แร่ทองคำ คริสตัล เพชร พลอย อัญมณี เมื่อเครื่องประดับได้เผยแพร่ไปยังฝั่งตะวันตก การแต่งกายด้วยเครื่องประดับเริ่มมีบทบาทกับกลุ่มคนชนชั้นกลาง เริ่มมีการใช้วัสดุทดแทนที่ราคาถูกขึ้น จากการประดิษฐ์อย่างประณีตด้วยมือ ก็ใช้เครื่องจักรผลิตแทน ทำให้ราคาเครื่องประดับถูกลง ทำให้คนชนชั้นกลางสามารถหยิบจับเครื่องประดับมาสวมใส่ตกแต่งร่างกายได้อย่างง่ายขึ้น
จนเมื่อเครื่องประดับได้ถูกเผยแพร่ กลายเป็นวัฒนธรรมขั้นพื้นฐานของโลก การเข้าถึงของคนทุกชนชั้นก็ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น วัสดุทดแทนในการทำเครื่องประดับมีหลากหลายขึ้น ทำให้เกิดเครื่องประดับหลายเกรด ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ไปถึงหลักล้าน การออกแบบก็เปิดกว้าง ทำให้มีในปัจจุบันมีเครื่องประดับหลากหลายสไตล์
ไม่น่าเชื่อว่า สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล ต่างหู เครื่องประดับที่เราใส่ๆ กัน จะมีประวัติมายาวนานมากๆ ก็อย่าลืมดูแลเครื่องประดับชิ้นโปรดของคุณกันละ Fashionbeloved ต้องของตัวลากันไปก่อน แล้วจะนำบทความดีๆ มาฝากกันอีกนะจ้ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น